การที่ข้าพเจ้าได้ขอออกโฉนดโดยอาศัยหลักฐาน สค 1 ถ้าปรากฏว่าเนื้อที่ที่ทำการรังวัดใหม่แตกต่างไปจากเนื้อที่ตามใบแจ้งการครอบครอง (สค1)จะปฎิบัติตามกฏหมายที่ดิน (พ.ศ 2497) มาตรา ๕๙ ตรี ในการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ถ้าปรากฏว่าเนื้อที่ที่ทำการรังวัดใหม่แตกต่างไปจากเนื้อที่ตามใบแจ้งการครอบครองตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินให้ได้เท่าจำนวนเนื้อที่ที่ได้ทำประโยชน์ ทั้งนี้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด รวมถึง
ระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ2532
ว่าด้วยเงื่อนไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ข้อ 8
ในการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ถ้าปรากฏว่าที่ดิน มีอาณาเขต ระยะของแนวเขตและที่ดินข้างเคียงทุกด้านถูกต้องตรงกับหลักฐานการแจ้งการครอบครอง เชื่อ
ได้ว่าเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน แต่เนื้อที่ที่คำนวณได้แตกต่างกันให้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เท่าจำนวนเนื้อที่ที่ได้ทำประโยชน์แล้วแต่ไม่เกินเนื้อที่ที่คำนวณได้ ดังนั้น จึง
เห็นได้ว่า กรณีที่จะใช้บังคับมาตรา 59 ตรีได้จะต้องปรากฏว่าผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินได้แจ้งการครอบครองที่ดินตามมาตรา 5แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และ
เนื้อที่ที่รังวัดใหม่แตกต่างไปจากเนื้อที่ตามใบแจ้งการครอบครองดังกล่าว และเมื่อพิจารณาประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 59*(10) ซึ่งบัญญัติว่า ที่ดินที่ขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการ
ทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายนั้น แม้ว่าเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตที่รัฐมนตรีประกาศเป็นเขตเดินสำรวจรังวัดตามมาตรา 58*(11) ผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินก็ยังขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง
การทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายได้ ดังนั้น เมื่อนำมาตรา 59 ตรี*(12)ซึ่งเป็นเรื่องการคำนวณเนื้อที่เพื่อออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์มาใช้บังคับกับที่ดินที่ขอออกโฉนด
ที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายการแจ้งการครอบครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 เชื่อได้ว่าเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน
แต่เนื้อที่ที่คำนวณได้แตกต่างไปจากเนื้อที่ตามหลักฐานการแจ้งการครองครองดังกล่าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เท่าจำนวนเนื้อที่ที่ได้ทำ
ประโยชน์แล้ว แต่ไม่เกินเนื้อที่ที่คำนวณได้ในกรณีที่ระยะของแนวเขตที่ดินผิดพลาดคลาดเคลื่อน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เท่าจำนวนเนื้อที่ที่ได้ทำ
ประโยชน์แล้วเมื่อผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงได้ลงชื่อรับรองแนวเขตไว้เป็นการถูกต้องครบถ้วนทุกด้าน
ระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติฉบับที่ 12 ข้อ 9
" การรับรองแนวเขตของผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงตามข้อ ๘ วรรคสอง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งเป็นหนังสือซึ่งมีข้อความด้วยว่า ถ้าผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงไม่มาหรือมาแต่ไม่ยอมลงชื่อรับรองแนวเขตโดยไม่คัดค้านการรังวัด เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันทำการรังวัด พนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยไม่ต้องมีการรับรองแนวเขต ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงตามที่อยู่ที่เคยติดต่อ หรือตามที่อยู่ที่ผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงนั้นได้แจ้งเป็นหนังสือไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อให้มารับรองแนวเขตหรือคัดค้านการรังวัดและให้อยู่ในบังคับแห่งเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(๑) ในกรณีที่ผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงได้รับหนังสือจากสำนักงานเจ้าหน้าที่ให้มาระวังแนวเขตแล้ว แต่ไม่มาหรือมาแต่ไม่ยอมลงชื่อรับรองแนวเขตโดยไม่คัดค้านการรังวัด ให้พนักงานเจ้าเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดิน ๒) หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์เท่าจำนวนเนื้อที่ที่ได้ทำประโยชน์แล้ว โดยไม่ต้องมีการรับรองแนวเขตเมื่อพ้นกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่วันทำการรังวัด(๓) ในกรณีที่ไม่อาจติดต่อผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงให้มาระวังแนวเขตได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปิดประกาศแจ้งให้ผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงนั้นมาลงชื่อรับรองแนวเขต หรือคัดค้านการรังวัดไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือสำนักงานที่ดินสาขา สำนักงานเขต หรือที่ว่าการอำเภอ หรือกิ่งอำเภอ ที่ทำการกำนัน ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน และบริเวณที่ดินของผู้ที่มีสิทธิในที่ดินขา้งเคียงแห่งละหนึ่งฉบับ ในกรณีที่ดิน อยู่ในเขตเทศบาล ให้ปิด ณ สำนักงานเทศบาลอีกหนึ่งฉบับด้วย ถ้าผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงไม่มาติดต่อหรือคัดค้านประการใดภายในสามสิบวันนับแต่วันปิดประกาศ ให้สำนักงานเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำระโยชน์เท่าจำนวนเนื้อที่ที่ได้ทำประโยชน์แลโดยไม่ต้องมีการรับรองแนวเขต "
(ข้าพเจ้าได้อ้างข้อเท็จจริงเเละข้อกฎหมาย ในการออกโฉนด ถ้าปรากฏว่าเนื้อที่ที่ทำการรังวัดใหม่แตกต่างไปจากเนื้อที่ตามใบแจ้งการครอบครอง จะต้องปฎิบัติอย่างไร เเต่เมื่อทางที่ดินไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย ก็ต้องให้ศาลปกครองตัดสิน ติดตามต่อไปนะครับว่าชาวสวนคนจนอย่างผมจะมีสิทธิ์ออกโฉนดได้ไม๊ครับ
ซึ้งตามกฎหมาย ในเมื่อข้างเคียงมิได้ใช้สิทธิ์คัดค้านนำชี้เขตหรือนำรังวัดหรือให้ถ้อยคำต่าง ๆ ก็ต้องพิจารณาว่ามีกฏหมายหรือระเบียบให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างไรหรือไม่ ซึ่งก็คือตามนัยดังกล่าว
ข้อเท็จจริงในการรังวัดพิสูจน์สอบสวนทําประโยชน์ เเละเป็นพยานในการรังวัดทําประโยชน์ที่ดินที่ข้าพเจ้า ได้นําชี้ เจ้าของที่ดินข้างเคียงเเละผุ้เเทนนายอําเภอในฐานะ ผู้ปกครองท้องที่ได้ลงนามรับรองเเนวเขต ในการรังวัดครบถ้วนทุกด้าน เเละรับรองว่าได้ครอบครองเเละทําประโยชน์อยู่จริงก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ตามขอบเขตที่ปรากฎในหลักฐานเเผนที่ทําการรังวัดได้ ส่านที่ดินว่างเปล่าทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้ เเละทิศตะวันตก ซึ้งปรากฏในหลักฐาน สค 1 เเปลงนี้ ได้รับการรับรองจากผู้ปกครองท้องที่เเล้วว่า ไม่เป็นที่ห่วงห้ามประเภทใดๆทั้งสิ้น สค 1 ถูกต้อง ออกให้ผู้ขอได้เต็มเเปลงคือ 12 ไร่ เเต่ใน สค 1 ระบุ7ไร่ ข้าพเจ้าได้เพิ่มจากที่ระบุในสค1 ประมาณ5 ไร่ จากการครอบครองเเละได้ทําประโยชน์อยู่จริง เเละประกาศครบ 30 วัน ไม่มีผู้ใดโต้เเย้งคัดค้าน ข้าพเจ้าได้ครอบครองตามทะเบียนการครอบครองเเละตามตําเหน่งของที่ดินจริงผ่านการตรวจสอบเเละรับรองจากคณะกรรมการตามกฎกระทรวงฉบับที่43พ.ศ 2537 ประกอบด้วย
1 กรรมการปกครองผู้ดูเเลสาธรณะสมบัติของเเผ่นดิน
2 กรรมการฝ่ายป่าไม้ ผู้ดูเเลรักษาเขตป่า
3 หัวหน้าพัฒนาที่ดินภูเก็ต
4 ผู้ใหญ่บ้าน หมู่6 ตําบลฉลอง
5 ผู้เเทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต
ได้ตรวจพิสูจน์สภาพที่ดินจริงเเละเสนอความเห็นว่าสมควรออกโฉนดให้ผู้ขอได้ทั้งเเปลง ชึ้งคณะกรรมการชุดนี้ตั้งขึ้นโดยบทบัญญัติของกฏหมาย เเละประเด็นที่สําคัญที่สุดไ่ม่เป็นที่ ห่วงห้ามตามประมวลกฎหมายเพ่งฯ หรือเขตป่าตามกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ กรรมการปกครองผู้ดูเเลสาธรณะสมบัติของเเผ่นดิน กรรมการฝ่ายป่าไม้ ผู้ดูเเลรักษาเขตป่า รวมทั้งกรรมการทั้งหมดเสนอความเห็นเป็นเอกฉันท์ สมควรออกโฉนดที่ดินให้ผู้ขอได้ทั้งเเปลง รวมทั้งเจ้าของที่ดินข้างเคียงรับรองเเนวเขตทุกด้าน